อันตราย และปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากแสงแดด

ประเทศไทยในปัจจุบันที่อากาศร้อนตลอดทั้งปี และในแสงแดด หรือแสงอาทิตย์อันร้อนแรงนั้น มีรังสียูวีที่อันตรายต่อผิวของเรา สามารถก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าได้อย่างมากมายจนคุณอาจคาดไม่ถึง ดังนี้

1. ผิวหน้าไหม้แดด เกิดจากการที่ผิวเผชิญกับแสงแดดจัดนาน โดยที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดปกป้องผิว ทำให้ผิวแสบร้อน คัน ผิวแดง ลอก หน้าดำผิวหมองคล้ำ หรือบางคนรุนแรงจนเกิดการแพ้ ระคายเคือง และมีตุ่มน้ำใสๆ เกิดขึ้นได้

2. ฝ้า กระแดด เกิดจากรังสียูวีในแสงแดดไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น ทำให้บนใบหน้าเกิดเป็นปื้นสีดำ เรียกว่า ฝ้าแดด หรือจุดสีน้ำตาล ที่เรียกว่า กระแดด ซึ่งเป็นจุดด่างดำที่สาวๆ ส่วนใหญ่กังวลเพราะรักษาให้หายค่อนข้างยาก

3. ริ้วรอยก่อนวัย แสงแดดทำให้น้ำในผิวลดลง เซลล์ผิวอ่อนแอ ส่งผลให้ผิวหน้าขาดน้ำแห้งกร้าน ผิวเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้ง่าย

4. เกิดสิว สิวอุตตัน แสงแดดทำให้ผิวแห้งลง กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติเพื่อเคลือบผิวไว้ ซึ่งไขมันส่วนเกินนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว และถ้ามีอะไรไปอุดตันทำให้ไขมันไม่สามารถระบายออกจากรูขุมขนได้ เช่น สิ่งสกปรกตกค้าง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว ก็จะเกิดเป็นสิวอุดตันตามมา

5. มะเร็งผิวหนัง เกิดจากผิวโดนแสงแดดแผดเผาทำลายอย่างต่อเนื่องรังสียูวีในแสงแดดไปทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดความผิดปกติของเซลล์ผิว และก่อให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังในที่สุด

วิธีเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวเป็นสิว

1. เลือกประเภทของสารกันแดดที่เหมาะสม สำหรับคนที่เป็นสิว ผิวบอบบาง แพ้ง่าย แนะนำครีมกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen) และแบบผสม (Hybrid Sunscreen) แต่หลีกเลี่ยงแบบเคมี (Chemical Sunscreen) เพราะมีส่วนผสมของสารเคมี อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย

– กันแดดแบบกายภาพ มีสารกันแดดทำหน้าที่สะท้อนรังสียูวีออกไปจากผิว และไม่ดูดซับแสงช่วยกระจายรังสีจากแสงแดดออกจากผิวได้เกือบทั้งหมด สารที่ทำหน้าที่ดังกล่าว ได้แก่ ไททาเนียมไดออกไซด์ และซิงค์ออกไซด์ ข้อดีก็คือ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ติดทนนานไม่จำเป็นต้องทาซ้ำบ่อยๆ ส่วนข้อเสียคือ สีค่อนข้างขาว ทำให้หน้าขาววอก หน้าลอย

–กันแดดแบบผสม เป็นลูกผสมระหว่างแบบกายภาพ และเคมี โดยพัฒนาเอาข้อดีของแต่ละประเภทมาผสมผสานกัน ทำให้ช่วยทั้งการดูดซับรังสียูวีและสะท้อนออกไปได้พร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังปรับข้อเสียของแต่ละแบบด้วย เช่น ลดความขาวลอย ลดการระคายเคืองจากสารเคมี

2. เลือกค่า SPF และ PA ที่เหมาะสม ค่า SPF เป็นค่าตัวเลขที่บอกความสามารถการป้องกันการไหม้ของผิวจากรังสียูวีบี ส่วนค่า PA เป็นค่าตัวเลขที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ โดยค่า PA3+ ขึ้นไป จะมีประสิทธิภาพปกป้องรังสียูวีเอได้ระดับสูง ดังนั้นครีมกันแดดที่ดี ควรเลือกที่มีค่า SPF 30 และ PA3+ ขึ้นไป

3. เลือกเนื้อครีมกันแดด ควรมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่หนักผิว ซึมซาบสู่ผิวเร็ว เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อเลี่ยงปัญหาผิวหน้ามัน และสิวอุดตัน

4. เลือกครีมกันแดดที่กันน้ำได้ คือมีคุณสมบัติติดทน ไม่สลายตัวในน้ำ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการปกป้องผิวแม้ว่าเหงื่อออก หรือสัมผัสกับน้ำก็ตาม และที่สำคัญคือไม่ทำให้สาวๆ หน้าเป็นคราบระหว่างวันด้วย

5. ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิว สาวผิวบอบบางแพ้ง่ายมักไม่ชอบทาครีมหลายๆ ตัว เนื่องจากกลัวผิวอุดตันและเกิดสิว ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวด้วยจึงตอบโจทย์ เช่น การเติมสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง สารสกัดใบบัวบก Centella Asiatica Premium Extract ที่ทั้งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดโดยดูดซับรังสียูวีบี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดีกว่าวิตามินซี 60 เท่า ทำให้ผิวกระจ่างใส และยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบของผิวได้อีกด้วย       

6. ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว ส่วนผสมที่สาวผิวบอบบาง แพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง เช่น สารกันเสีย (พาราเบน)สเตียรอยด์สารปรอทซิลิโคนและแอลกอฮอล์ เป็นต้น หรือถ้าไม่อยากอ่านส่วนผสมให้ยุ่งยากอาจเช็คจากสัญลักษณ์ Dermatologist Tested ที่แสดงว่าผ่านการตรวจสอบโดยแพทย์ผิวหนังมาแล้วว่าปลอดภัยแน่นอน

การเลือกครีมกันแดดให้ถูกต้องกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การทาครีมกันแดดที่ถูกต้องก็สำคัญเช่นกัน ควรทาในปริมาณที่เหมาะสม กะง่ายๆ คือ ปริมาณเท่ากับเหรียญ 10 บาท หรือบีบครีมยาว 2 ข้อนิ้ว ทาในตอนเช้าเป็นลำดับสุดท้ายต่อจากสกินแคร์ โดยลงก่อนแต่งหน้า หรือสาวๆ คนไหนจะเลือกครีมกันแดดที่ทาตัวเดียวมีคุณสมบัติครบจบทั้งกันแดด บำรุง ปกปิด ไม่ต้องง้อรองพื้นให้หนักผิวหน้าก็เลิศนะคะ La Vitta ขอเป็นตัวช่วยให้สาวๆ ค้นพบครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จากเคล็ดลับดีๆ ที่นำมาฝาก รับรองว่าสาวมีสิว ผิวบอบบางแพ้ง่ายจะต้องเจอครีมกันแดดที่ใช่ ถูกใจ และปลอดภัยแน่นอนค่ะ