มาทำความรู้จักประเภทของ “ฝ้า” เพื่อหาวิธีรักษาได้อย่างตรงจุด
รู้จักกับฝ้าและที่มาของปัญหาฝ้าบนใบหน้า
ฝ้า คือ รอยดำคล้ำที่มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลถึงดำบนใบหน้า มักพบบริเวณใบหน้าส่วนที่โดนแสงแดด เช่น โหนกแก้ม จมูก คาง หน้าผาก รอบริมฝีปาก ซึ่งฝ้าหรือรอยดำเหล่านี้เกิดจากความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ผลิตออกมามากเกินไป ทำให้สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นกว่าสีผิวจริง ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า คือ รังสี UV ในแสงแดด เชื้อชาติหรือพันธุกรรม ฮอร์โมน สารเคมี ยา และการใช้เครื่องสำอางค์บางชนิด
ประเภทของฝ้าชนิดต่าง
1. ฝ้าตื้น เป็นรอยดำที่เกิดในระดับผิวหนังชั้นนอกหรือชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะสีน้ำตาล ดำ เป็นปื้นแผ่นๆ ขอบเขตชัดเจน จะมองเห็นได้ชัดเพราะฝ้าจะอยู่ที่เซลล์ผิวชั้นบน เกิดได้ง่ายและก็รักษาง่ายเช่นกัน ฝ้าตื้นส่วนใหญ่รักษาได้ด้วยครีมทาฝ้า ซึ่งเมื่อทาอย่างต่อเนื่องทุกวัน รอยดำของฝ้าก็จะค่อยๆ จางลงอย่างเห็นได้ชัด และสามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็กลับมาเป็นใหม่ได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากที่ช่วยเสริมการรักษาและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่
2. ฝ้าลึก เป็นฝ้าที่เกิดในระดับชั้นผิวหนังแท้ที่อยู่ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้าทำให้มองเห็นขอบเขตรอยดำของฝ้าไม่ชัดเจน เบลอๆ จะกลืนไปกับผิวหน้าเป็นบริเวณกว้าง มีสีน้ำตาล สีเทา สีม่วงอมน้ำเงิน ปัญหารอยดำจากฝ้าลึกจะรักษายากกว่าฝ้าตื้น การใช้ครีมทาฝ้าจะช่วยให้รอยดำจางลง แต่ฝ้าอาจจะไม่หายขาด บางครั้งต้องใช้การรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การทำเลเซอร์
3. ฝ้าผสม เป็นฝ้าที่พบผสมกันทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกในเวลาเดียวกัน ทำให้รักษายากกว่าเป็นฝ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะต้องใช้วิธีรักษาผสมผสานกันทั้งแบบฝ้าตื้นและฝ้าลึก
4. ฝ้าเลือด เป็นรอยดำที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนผิวหน้า คือนอกจากจะมีปื้นสีน้ำตาลของฝ้าแล้วยังเห็นเส้นเลือดสีแดงที่ขยายตัว คล้ายๆ ตาข่ายแตกแขนงทำให้ใบหน้ามีสีแดง สาเหตุมาจากโดนแสงแดดแรงๆ เป็นเวลานาน การใช้เครื่องสำอางค์หรือยาที่มีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น ไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ ปรอท ส่งผลให้ผิวหน้าบาง เส้นเลือดขยายเกิดเป็นฝ้าเลือด ซึ่งรักษายากและใช้เวลานาน การรักษาเบื้องต้นต้องหยุดใช้ยาที่ก่อให้เกิดฝ้าก่อน ทาครีมกันแดด เลือกใช้ครีมทาฝ้าที่ปลอดภัย ส่วนการทำเลเซอร์ควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญไม่เช่นนั้นผิวหน้าอาจจะยิ่งบางลงกว่าเดิมและก่อให้เกิดรอยดำหรือเป็นฝ้าถาวรได้
5. ฝ้าแดด ชื่อของฝ้าก็บ่งบอกชัดเจนว่า แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าชนิดนี้ แต่ไม่ใช่เพียงแสงแดดเท่านั้น แสงและความร้อนจากโทรศัพท์ จอคอมพิวเตอร์ก็เป็นสาเหตุของจุดด่างดำ และฝ้าแดดได้ด้วยเช่นกัน การป้องกันและรักษาฝ้าแดด ได้แก่ การใช้ร่ม หมวก เสื้อคลุมสีเข้มเพื่อป้องกันแสงแดด ทาครีมกันแดด ทาครีมบำรุง ควรเลือกครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนประกอบที่ทำให้ผิวหน้าบาง เพราะเมื่อแสง UV ทะลุผ่านผิวหนังได้ง่าย จะเกิดเป็นฝ้าและรอยดำเพิ่มขึ้น
การดูแลตัวเองเมื่อเกิดฝ้า จุดด่างดำและวิธีรักษาฝ้าแบบต่างๆ
1. รู้ชนิดของฝ้าที่เป็น เมื่อเกิดปัญหาฝ้า อันดับแรกควรตรวจสอบประเภทของฝ้าที่เป็นเสียก่อนเพื่อจะได้รู้ถึงสาเหตุและวิธีรักษาที่ถูกต้อง เพราะถ้าเกิดรักษาผิดวิธียิ่งอาจส่งผลให้ผิวหน้าบาง หรือเกิดรอยดำจากฝ้าเพิ่มขึ้นได้
2. หยุดปัจจัยที่ก่อให้เกิดฝ้า เมื่อรู้แล้วว่าฝ้าที่เกิดขึ้นเป็นประเภทไหนเกิดจากสาเหตุใด ก็หยุดสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าก่อน เช่น หยุดทานยา หยุดใช้ครีม เลิกใช้เครื่องสำอางค์ที่อาจจะก่อให้เกิดฝ้า เพื่อป้องกันการลุกลาม ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ฝ้าหายหรือจางลง
3. ทาครีมกันแดด ไม่ว่าฝ้าประเภทไหนปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า รอยดำ หนีไม่พ้น แสงแดด ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะนอกจากจะป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าใหม่เพิ่มแล้ว ยังช่วยไม่ให้รอยดำจากฝ้าที่มีอยู่รุนแรงขึ้นอีกด้วย ควรเลือกครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB โดยมีค่า SPF 50 และ PA3+ ขึ้นไป ทาในปริมาณที่เหมาะสม ทาตอนเช้า และทาซ้ำก่อนออกแดดหรือทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง เพื่อประสิทธิภาพในการกันแดดที่ดีที่สุด
4. ใช้ครีมทารักษาฝ้า วิธีนี้ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากประหยัด สะดวกและผลข้างเคียงน้อยกว่าวิธีรักษาแบบอื่นๆ ได้ผลดีกับฝ้าตื้น ส่วนฝ้าลึกจะเห็นผลได้ช้า ควรเลือกครีมทาฝ้าที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่ทำให้ผิวบาง แต่ต้องสามารถทำให้ฝ้า รอยดำ ดูจางลงได้ ครีมทาฝ้าที่ดีควรมีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติดังนี้
– ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น บี-รีซอซินอล ซัลโฟราเฟน ที่ยับยั้งการเกิดรอยดำ ฝ้าและช่วยกำจัดการสร้างเม็ดสีดำส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– ช่วยผลัดเซลล์ เช่น สารสกัดจากธรรมชาติมะขามป้อม ที่มีสาร Antioxidant ประสิทธิภาพสูง ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่มีปัญหารอยดำออกไป ทำให้ฝ้าตื้นจางลง
– ยับยั้งการกลับมาของฝ้า สารที่นิยมได้แก่ วิตามินบี 3 (Niacinamide) ช่วยยับยั้งการกลับมาของทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก
– ช่วยบำรุงผิว เช่น สารสกัดใบบัวบก ที่ช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้เร็วขึ้น ทำให้ผิวกระจ่างใสและเรียบเนียน
5. รับประทานยารักษาฝ้า การทานยารักษาฝ้าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากยาทานอาจส่งผลข้างเคียงได้ ดังนั้นก่อนแพทย์จ่ายยาจะต้องทำการซักประวัติให้ละเอียดและให้ทานในปริมาณที่เหมาะสม
6. การใช้เลเซอร์รักษาฝ้า ถ้ารักษาฝ้าด้วยวิธีอื่นๆ ไม่หาย อาจต้องใช้การยิงเลเซอร์เพื่อรักษา เนื่องจากสามารถรักษาฝ้าได้ลึกถึงต้นกำเนิดและมีประสิทธิภาพสูง การยิงเลเซอร์ฝ้าควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษาที่เหมาะสม ปลอดภัย และอาจจะต้องทำหลายครั้งถึงจะได้ผลลัพท์ที่ดีในระยะยาว วิธีนี้จึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าฝ้ามีหลายประเภท แต่ละประเภทมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน การรักษาฝ้าก็มีหลากหลายวิธี แต่สิ่งสำคัญคือควรคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น ความสะดวก ความคุ้มค่า หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับสาวๆ ช่วยจัดการกับฝ้าได้อย่างถูกต้องละตรงจุด มาเปลี่ยนหน้าหมองเป็นหน้าใสไร้ฝ้าและจุดด่างดำไปกับ La Vitta กันนะคะ